เมล็ดผัก 4 ชนิด เคลไดโนเสาร์ เคลใบหยิก ไทม์ พาร์สลี่ย์
เมล็ดซุปเปอร์ฟู๊ด 4 ชนิด เคลไดโนเสาร์ เคลใบหยิก ไทม์ พาร์สลี่ย์
พาร์สลี่ย์
พาร์สลี่ย์ ชื่อสามัญ Parsley (พาร์สลี่ย์ (ออกเสียงแบบอเมริกัน) พาร์สเลย์ (ออกเสียงแบบไทย))[1]
พาร์สลี่ย์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Petroselinum crispum (Mill.) Fuss (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Apium crispum Mill. Apium petroselinum L. Carum petroselinum (L.) Benth. & Hook.f. Petroselinum hortense Hoffm. Petroselinum sativum Hoffm.)[1][3] จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)[1][3]
สมุนไพรพาร์สลี่ย์ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ว่านเยาวพาณี (ภาคใต้) ขึ้นฉ่ายฝรั่ง เทียนเยาวพาณี (ไทย) ฉินช่าย โอวโจว (จีนกลาง) เป็นต้น[1]
หมายเหตุ : ต้นพาร์สลี่ย์หรือเทียนเยาวพาณีที่กล่าวถึงในบทความนี้ เป็นคนละชนิดกันกับเทียนเยาวพาณีที่จัดอยู่ในพิกัดเทียนทั้งเก้า อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความเรื่อง เทียนเยาวพาณี (Ajowan)
ลักษณะของพาร์สลี่ย์
ต้นพาร์สลี่ย์ จัดเป็นพืชขนาดเล็กคล้ายต้นผักชี มีอายุประมาณ 2 ปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง แตกกิ่ง สูงได้ประมาณ 50-120 เซนติเมตร[1]
สรรพคุณของพาร์สลี่ย์
เมล็ดมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ด้วยการใช้เมล็ดแห้ง 7.5 กรัม นำมาแช่กับน้ำร้อนนาน 5-10 นาที ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น (เมล็ด)[3]
ทั้งต้นและเมล็ดมีรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม ใช้เป็นยาขับเสมหะและละลายเสมหะ (เมล็ด ทั้งต้น)[1][2]
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (เมล็ด ทั้งต้น)[1][2][3]
ใบมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการสะอึก (ใบ)[3]
เมล็ดและทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาช่วยขับลมในท้อง แก้อาการจุกเสียด ช่วยในการย่อยอาหาร (เมล็ด ทั้งต้น)[1][2][3]
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (เมล็ด ทั้งต้น)[1]
ช่วยทำให้มดลูกของสตรีหลังคลอดบุตรเข้าอู่เร็วขึ้น (เมล็ด ทั้งต้น)[1]
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตามข้อเนื่องจากลมชื้นเกาะติด (เมล็ด ทั้งต้น)[1]
ใบใช้ตำพอกแก้อาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว (ใบ)[1]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [1] ให้ใช้ต้นแห้งหรือผลประมาณ 10-20 กรัม ส่วนต้นสดให้ใช้ 30-50 กรัม และเมล็ดให้ใช้ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาตามต้องการ[1]
///////////////////////////////////////////////////
ใบไทม์ (Thyme) คือหนึ่งในสมุนไพรเครื่องเทศที่มีการใช้มากที่สุดอย่างนึงของอาหารตะวันตก โดยเฉพาะแถบเมอดิเตอเรเนียน ใบไทม์นั้นจะเรียกชื่อทับศัพท์ตามชื่อภาษาอังกฤษเลย ไม่ได้มีชื่อเฉพาะภาษาไทย คนไทยบางคนอาจเรียกว่าใบทามหรือธาม ไทม์นั้นเป็นพืชที่มีสีเขียวตลอดทั้งปี ใบมีลักษณะเรียวเล็กแหลม มีกลิ่นหอม ลักษณะต้นเป็นเถาจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับมิ้นท์ (Lamiaceae) และออริกาโน (Oreganum) ดอกมีสีขาวและสีม่วง พันธุ์ของไทม์ที่นิยมใช้มากที่สุดจะเป็นพันธุ์ Thymus Vulgaris ต้นไทม์จะชอบอากาศร้อน มีแสงแดดและดินร่วยซุย สามารถเติบโตได้ในป่าและภูเขาเช่นกัน กลิ่นหอมของใบไทม์นั้นมาจากน้ำมันหอมระเหยและสารที่ชื่อว่า Thymol
ใบไทม์ใช้ทำอะไร
มีการใช้งานใบไทม์หลากหลายทั้งเป็นเครื่องปรุง เครื่องเทศ เนื่องจากมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นผักจัดจานเพราะกิ่งและใบมีความสวยงาม สามารถใช้ได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง รวมทั้งสามารถใช้เป็นยาได้ เพราะไทม์มีสรรพคุณต่อต้านจุลินทรีย์ แก้อาหารเจ็บคอ ลดอาการอักเสบของช่องปากลำคอ และบบทางเดินอาหารได้
การใช้ใบไทม์ปรุงอาหาร
ใบไทม์สามารถใช้ได้ทั้งต้นสดหรือแห้ง โดยแบบสดจะให้กลิ่นที่สดชื่นและแรงกว่าแบบแห้ง สามารถนำใบไทม์ไปหมักเนื้อสัตว์ หรือ อบ ทอดพร้อมเนื้อสัตว์ได้ เข้ากันได้ดีกับ เนื้อไก่ ปลา เนื้อวัว และนำไปประกอบมัดรวมกับเครื่องเทศชนิดอื่นเช่น ใบกระวาน เซจ พาสลีย์ เพื่อใช้ต้มน้ำซุป น้ำสต๊อกหรือสตูว์ได้ที่เรียกกันว่า Bouquet Garni รวมทั้งสามารถตัดกิ่งไทม์พื่อประดับจานได้อีกด้วย เคล็ดลับอย่างนึงคือสารที่ให้กลิ่นหอมของใบไทม์นั้นมาจากน้ำมันหอมระเหย (Thymol) ดังนั้นในการดึงกลิ่นอออกมามากที่สุด ควรใช้น้ำมันหรือเนยที่ร้อนปรุงเพื่อให้ได้กลิ่นที่ชัดเจน การทุบหรือบี้ใบไทม์เบาๆก่อนนำไปปรุงจะทำให้กลิ่นหอมชัดเจนขึ้น
/////////////////////////////////////////////////////////////////
คุณประโยชน์ของเคล ที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น Super Food
1. เคลได้ชื่อว่าเป็นซุปเปอร์ฟู้ดที่แคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง ไม่มีไขมัน
มีค่าวิตามิน K 684% วิตามิน A 206% และ วิตามิน C 134% ต่อที่ควรได้รับต่อวัน!
นอกจากนี้ประโยชน์ต่อสุขภาพของ Kale เคล ยังมาจาก omega-3 omega-6 ลดการอักเสบของร่างกาย ด้วยวิตามิน K ที่สูงขนาดนี้ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ดี ป้องกันเลือดออกมาก ผู้เชี่ยวชาญบำงกลุ่มยังใช้วิตำมิน K จากเคลในการรักษาโรคกระดูกพรุน แต่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพการทำงานด้านนี้ แต่ที่แน่ๆวิตามิน K มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
วิตามิน A (Retinol) ยังช่วยเรื่องการลดรอยเหี่ยวย่นของผิว ลดอายุของผิว และเรตินอลยังช่วยเรื่องการงอกของผม ช่วยบำรุงสายตาเพราะลูทีนในผักเคล เป็นเสมือนตัวกรองแสงสีฟ้าให้กระจกตา ช่วยให้เซลล์บริเวณดวงตาแข็งแรง
2. Kale เคล แน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็ง
ทั้งแคโรทีนอยด์ โพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์ ช่วยปกป้องร่างกายจากมะเร็งจึงเป็นเหตุผลที่คุณควรเริ่มทานเคลได้แล้ว beta-carotene และ vitamin C ที่มีมากในเคล ช่วยต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวเร่งความแก่ของเซลล์ และโรคมากมายรวมทั้งมะเร็ง (อาซาอิ เบอร์รี่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากเช่นกัน)
3. เคลดีต่อผิว ระบบเผาผลาญ และภูมิคุ้มกัน
การปรุงKale เคล อาจทำลายวิตามิน C และโพลีฟีนอลทำให้สารต้านอนุมูลอิสระบางอย่างสลายไป จึงควรทานเคลแบบสดๆ หรือผงแบบดิบและใส่อาหารที่ไม่ต้องทำให้สุก วิตำมิน C ป้องกันโรคหวัด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบเผาผลาญซึ่งจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก ให้ความชุ่มชื้นแก่เซลล์ และทำให้ผิวมีสุขภาพดี ลดริ้วรอย ชะลอวัย
แค่ทานเคล 1 ถ้วย หรือ 36 กรัมร่างกายก็จะได้รับวิตามิน C เกินกว่า 100%