กล้ากล้วยเพาะเนื้อเยื่อ กล้วยหอมทอง ขนาดถาดหลุม อนุบาลแล้ว 30 วัน ปลอดโรค ปลอดหนอนกอ แข็งแรงรากเต็มระบบ
เรทการ สั่งซื้อ
1 - 3 ต้น ราคา ต้นละ 37 บาท
4 - 12 ต้น ราคา ต้นละ 34 บาท
13 - 51 ต้น ราคา ต้นละ 32 บาท
52 - 104 ต้น ราคา ต้นละ 28 บาท
105 ต้นขึ้นไป ต้นละ 26 บาท
****สั่งได้ครั้งละ ไม่เกิน 300 ต้นนะคะ
การอนุบาลกล้วยเพาะเนื้อเยื่อลงถุงดำ
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องจัดเตรียมไว้
1. วัสดุปลูก ขุยมะพร้าว + แกรบดำ + ดินอินทรีย์ อัตราส่วน 1 ต่อ 1 ต่อ 1 ตัดเตียมให้เพียงพอต่อจำนวน ถุงปลูก
2. ถุงดำ หรือ กระถาง ขนาดความกว้าง ตั่งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป
3. น้ำสำหรับรดต้นกล้าหลังปลูกเสร็จ
4. ปุ๋ยละลายช้า หรือ ปุ๋ยออสโมโคส สูตร เสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หรือ 13-13-13
วิธีการ อนุบาลกล้วยเพาะเนื้อเยื่อ
1. ผสมวัสดุปลูกให้เข้ากัน
2. กรอกวัสดุปลูกลงถุงหรือกระถางปลูกที่เตียมไว้ และกดวัสดุปลูกให้แน่นพอประมาณ ที่ระดับครึ่งถุงหรือคึ่งกระถาง
3. นำกล้าเพาะเนื้อเยื่อ วางตรงกลางถุงหรือกระถาง แล้วกรอกวัสดุปลูกเข้าไปโดยรอบ กดวัสดุปลูกให้แน่นพอประมาณ
5. รดน้ำให้ชุ่ม ใส่ปุ๋ยละลายช้าบริเวณรอบหากจากโคนต้น 1 เซนติเมตรกันปุ๋ยสัมพัสกับต้นกล้าโดยตรง
ข้อดีของกล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
- ให้ผลผลิตดี คุณภาพสูงต้นโตเร็ว ลูกดก เหมือนกับแม่พันธุ์ ที่ผ่านการคัดเลือก
- ตัดเครือกล้วยขายได้พร้อมกันสำหรับคนที่ปลูกเชิงธุรกิจจะรู้ว่าสำคัญมาก
- ปลอดจากการติดเชื้อไวรัส
- ไม่มีหนอนกอศัตรูร้ายของกล้วย
- ปลอดจากโรคตายพราย
วิธีปลูก
1. เตรียมแปลงปลูกระยะ 3×3 หรือ 4×4 เมตรขนาดหลุมปลูก 50x50x50 เซนติเมตร เพื่อให้ระบบรากเดินดี ขึ้นโคนช้าระยะปลูกขึ้นอยู่กับการดูแล ถ้าดูแลดี กอกล้วยใหญ่ ควรปลูกระยะ 4×4 เมตร 1 กอควรใว้เพียง 4 ต้นเท่านั้น
2. คลุกเคล้าปุ๋ยคอกผสมดินประมาณหลุมละ2 กิโลกรัมรองก้นหลุมขึ้นมาประมาณ 30 เซนติเมตรแล้วจึงปลูกต้นกล้วยและกลบบริเวณโคนต้นให้แน่นทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดินและควรรองก้นหลุมด้วยสารป้องกันหนอนกอกล้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อหลุม
3. ปลูกเสร็จให้น้ำตามทันทีให้ชุ่มชื้นพอเพียงไม่เช่นนั้นต้นจะเหี่ยวเฉา ใบแห้งและยุบตัว บางต้นตายบางต้นแตกต้นใหม่ขึ้นแทนทำให้อายุต้นไม่สม่ำเสมอกัน
4. ในระยะเดือนแรกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและดินต้องชุ่มชื้นเพียงพอ เป็นเดือนที่ต้องเอาใจใส่อย่างมากหากเป็นการให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกลอร์ จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็ว สามารถสร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดีโอกาสรอดสูงกว่าการลากสายยางรดน้ำ และเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16ประมาณ 100-150 กรัมต่อต้น หลังปลูกได้ 1 เดือน และเดือนที่ 2 ส่วนเดือนที่3 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน
5. เดือนที่2 และ 3 ต้นกล้วยจะมีต้นและใบใหม่ทั้งหมดปัญหาคือหญ้าขึ้นคลุมต้น ต้องถากหญ้าบริเวณโคนต้น หากจะฉีดยาฆ่าหญ้าพาราควอตระหว่างแถว ต้องระวังอย่าให้ละอองยาโดนต้นกล้วย จะทำให้ต้นชะงักและตายได้
6. เดือนที่4 การเจริญเติบโตเร็วมากทั้งความสูงและรอบวงต้นใกล้เคียงปลูกจากหน่อพันธุ์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดต้นปลูกเริ่มแรกถ้าสูง 15 เซนติเมตรขึ้นไป จะโตทันกัน ถือว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ต้นรอดตายทั้งหมดการดูแลทำเช่นเดียวกับการปลูกด้วยหน่อ โดยให้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150กรัม ต่อต้นในเดือนที่ 4 และ 5 ส่วนเดือนที่6 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทนและงดใส่ปุ๋ยจนกว่าจะแทงปลีถึงจะใส่ปุ๋ยเคมีอีกครั้ง จนกระทั่งหลังเก็บเกี่ยวถึงจะเริ่มให้ปุ๋ยในรอบใหม่
7. เดือนที่ 6 หรือ 7 กล้วยเริ่มแทงหน่อและสะสมอาหารเพื่อการตกเครือ เดือนที่ 9 กล้วยเริ่มแทงปลีการแทงปลีหรือตกเครือจะเร็วหรือช้ากว่าหน่อพันธุ์ ขึ้นอยู่กับขนาดลำต้นปลูกเริ่มแรกและการดูแลรักษาอายุเครือกล้วยจากการแทงปลีจนกระทั่งเก็บเกี่ยวมีอายุประมาณ 3-4 เดือน